[TRANS] มอง #RM โดยครูฝึกสอนและผู้เชี่ยวชาญด้านมารยาท อีซังฮวา จากรายการ 방탄천국 EBS FM

ไม่ใช่แค่สําหรับ RM แต่สําหรับบุคคลสาธารณะนั้น ego เป็นสิ่งที่สําคัญมาก เมื่อบุคคลคนหนึ่งประสบความสําเร็จมากเป็นที่รู้จัก มีชื่อเสียงแล้ว ego ในตัวเขาจะถูกแบ่งเป็นสอง คือ ‘คิมนัมจุนคนธรรมดาในวัย 20ปี’ กับ ‘RM แห่งวง BTS’ และสิ่งสําคัญคือ ego ของ RM แห่งวง BTS นั้น ส่องประกายเจิดจ้ากว่า มีชื่อเสียงโด่งดัง ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ในฐานะลีดเดอร์ของวงที่ประสบความสําเร็จในระดับโลก ดังนั้น สําหรับเขาแล้ว การบาลานซ์ ego ทั้งสองที่แตกต่างกันมากระหว่าง คิมนัมจุนคนธรรมดา กับ RM นั้นอาจเป็นเรื่องยาก การจับจุดตรงกลางของ ego ของคนในลักษณะนี้ เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะเอนเอียงไปทางตัวตนที่เจิดจ้ากว่า เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในฐานะมนุษย์ เช่น การเริ่มใช้เงินจํานวนมากเมื่อมีชื่อเสียง การทําสิ่งที่ไม่เคยทําเมื่อรํ่ารวย สิ่งพวกนี้เป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติได้ทั้งนั้น ดังนั้นเราจึงเห็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมากมายที่พบกว่าการควบคุมจิตใจของตนเป็นเรื่องยากลําบาก แต่เมื่อลองมองไปที่นัมจุนเขากลับบาลานซ์ ego ทั้งสองของเขาได้ดีมาก หมายความว่านัมจุนยังคงยึดอยู่ในความเป็นคิมนัมจุนคนธรรมดาในวัย20ได้อย่างเหนียวแน่น นั่นทําให้เขายังคงอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่เสมอ เขากลับคิดว่าภาพลักษณ์ที่เจิดจรัสของ BTS RM นั้นไม่ใช่เขา และ “ฉันคือคิมนัมจุน” ซึ่งสําหรับผมนั้น การที่เขาเขาสามารถแสดงถึงความคิดของเขาลงในบทเพลงเป็นเรื่องที่เท่มากๆ โดยทั่วไปแล้วศิลปินมักไม่อยากแสดงถึงความอ่อนแอหรือยากลําบากผ่านผลงาน แต่นัมจุนกลับเล่าถึงความอ่อนแอนี้ได้อย่างซื่อสัตย์ สิ่งที่กังวลอยู่ ความ ยากลําบากที่พบอยู่ ซึ่งความสามารถในการแสดงออกถึงสิ่งเหล่านี้นั้นนับเป็นจุดแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ RM เลยครับและสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดสําหรับ RM นั้น คือหากว่าเขาจะแสดงแต่ด้านที่หรูหราเจิดจ้าบนเวทีให้แฟนๆ ได้เห็น เขาก็ยังคงได้รับความรักมากมายจากแฟนๆ อยู่ดี นี่เป็นกลยุทธ์ที่นักร้องสมัยก่อนใช้กัน คือการสร้างภาพลักษณ์ที่เป็นปริศนาแต่สําหรับRM และ BTS เราสามารถเห็นว่าเขาเองก็มีชีวิตธรรมดาเหมือนกับพวกเราเหมือนกัน “เราเองก็เหมือนกับพวกคุณทุกคน” ทําให้แฟนๆ รู้สึกใกล้ชิด ผูกพันกับเขา และทําให้พวกเขายิ่งน่าชื่นชม จะพูดให้ง่ายก็คือ พวกเขาจะใช้ชีวิตให้สุดเหวี่ยงกว่านี้ก็ได้ ให้สนุกกว่านี้ก็ได้ แต่การที่ไม่เป็นแบบนั้น ก็ยิ่งทําให้พวกเขาน่าเคารพยกย่อง แฟนๆ คงยิ่งรู้สึกขอบคุณเขายิ่งขึ้นอีกผมไม่คิดว่าทั้งหมดนี้เป็นการกระทําที่คิดมาแล้วว่าจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับวง แต่เป็นการแสดงทัศนคติและการกระทําที่เป็นปกติของพวกเขา และนั่นสร้างอิทธิพลในเชิงบวกที่ดีให้กับแฟนๆ ผมชอบสิ่งที่คิมนัมจุนในวัย 20แสดงให้เราเห็น แต่ผมรอคอยที่จะได้เห็นคิมนัมจุนในวัย30 40 50 ต่อไป ในวัย20 นี้RM ยังคงขาดบางสิ่งที่ผู้คนในวัย20 ล้วนไม่มี ไม่ใช่เพราะเขาไม่สมบูรณ์แบบ แต่เป็นกฎของธรรมชาติที่ RM ในวัย30 40 หรือ50 จะมี “ประสบการณ์” ที่เขาในวัย20 ยังไม่มี เมื่อเขาอายุมากขึ้น มีประสบการณ์ชีวิตสะสมมามากขึ้นแล้วRM ในช่วงอายุนั้นๆ จะเขียนเพลงแบบไหน เขียนเนื้อเพลงที่บอกเล่าเรื่องราวแบบไหน เขาจะแสดงชีวิตของเขา ณช่วงวัยนั้นให้เราเห็นกันอย่างไร ผมแนะนําว่าให้คุณจับตามองเส้นทางเดินในชีวิตของเขาไปเรื่อยๆ อย่าพึ่งเลิกติดตามเขาไปเสียก่อน แน่นอนว่าความคิดก็ส่วนหนึ่ง แต่ความสามารถในการสื่อสารออกไปได้อย่างลึกซึ้งนี้ ผมคิดว่าเป็นพลังของการอ่านสําหรับ RM แล้ว มากกว่าการกระทําของเขา ผมมองถึงเรื่องของจิตใจและความสามารถในการพูดของเขามากกว่าเช่นสปีชรับรางวัลเมื่องาน E-Daily Culture Awards ของเขาก็ได้รับความสนใจมาก ที่ยกคําพูดของคุณคิมกูจากหนังสือว่า “พลังหนึ่งเดียวที่อยากมี คือพลังของวัฒนธรรม” ผมนึกไม่ออกเลยว่าRM เด็กหนุ่มวัยแค่นั้นที่ใช้ชีวิตแทบทั้งหมดเป็นนักร้องจะต้องใช้ชีวิตอย่างไรมากันนะ ผมไม่คิดว่านี่เป็นการเสิร์ชหาคําพูดเท่ๆ เพื่อเตรียมนํามาใส่ในสปีชล่วงหน้า ผมคิดว่าอาจจะเป็นการที่เขาเคยอ่านเจอประโยคนี้ในหนังสือ แล้วติดอยู่ในใจ จึงสามารถนํามาใช้ในเวลาที่ถูกต้อง นอกจากนี้ นิสัยรักการอ่านของเขายังเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กๆ ยุคนี้อ่านหนังสือกันมากขึ้น นี่คืออิทธิพลในทางบวกที่ผมพูดถึงครับ นิสัยรักการอ่านนี้เป็นเสน่ห์อีกอย่างของ RM เพราะเขาอ่านหนังสือเยอะ ทําให้เขามีความคิดลึกซึ้ง สื่อสาร พูดจาได้อย่างซื่อตรงจริงใจ ถ้าอยากมองเส้นทางของเขาอย่างง่ายๆ ผมแนะนําให้ลองดูว่าจะพบเจอเขาได้ที่ไหนบ้าง สวนสาธารณะริมแม่นํ้าฮันงานนิทรรศการต่างๆ ที่ที่เราคนธรรมดาทุกคนล้วนไปกันเป็นปกติ ซุปเปอร์สตาร์อย่าง RM ก็ไปยังสถานที่เดียวกันนี้แหละครับ ซุปเปอร์สตาร์ RM ก็ไปที่เดียวกับฉัน อ่านหนังสือเล่มเดียวกับฉัน เขายังคงซื้อของในเว็บขายของมือสองเหมือนกันกับฉันอยู่เลย